Friday, June 27, 2008

Lump of Brain.

ทำรนอ์เดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนน
คิดจะซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านซักชิ้น
พลันสายตาเหลือบไปเห็นร้านขายสมอง
"Lump of Brain"
แลดูน่าสนใจ เป็นประการที่ทำให้เขาเดินตรงเข้าไปโดยไม่ลังเล
เปิดประตูร้านเข้าไป ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีกลิ่นคาวเลือดอย่างที่คาดการณ์ไว้ สภาพร้านดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ สมองทุกก้อนถูกห่ออย่างเรียบร้อยด้วยกระดาษพลาสติกใส มองไปบนเคาน์เตอร์ ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อ
มีลูกค้ายืนอยู่
ถุงใส่สินค้าเขาน่าสนใจทีเดียว มันไม่ใช่ลายอย่างถุงโชคดี แต่เป็นถุงกระดาษทรงสี่เหลี่ยมเจาะรูไว้สำหรับถือ ข้างๆเป็นลายรูปสมองถูกทับด้วยศัพท์ภาษาอังกฤษชื่อร้านสีแดง ขอบล่างสุดเป็นตัวหนังสือสีทองเรืองอร่าม เขียนไว้ให้อ่านอย่างไม่ยากเย็น "Take some, then discover new yours!"
ทำรนอ์เห็นพนักงานนำแท่นเหล็กสำหรับวางพักสมองใส่ถุงใบนั้น
ลูกค้าคนนั้นหิ้วสมองออกจากร้านไปแล้ว
ทำรนอ์เดินตรงไปหาพนักงาน
พนักงานไม่รีรอรีบกล่าวสวัสดีและแนะนำสินค้าด้วยใบหน้าเลอะยิ้ม
"ก้อนนี้แสนเดียว เป็นของอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง คิดสูตรต่างๆมากมาย"
"แล้วก้อนนี้ราคาเท่าไร" ทำรนอ์ซัก
"อ๋อก้อนนี้ห้าแสน เป็นของนักไวโอลิน เขาคิดค้นซิมโฟนี่ที่บรรเลงแล้วช็อกตาย บรรเลงแล้วเป็นบ้า บรรเลงแล้วได้ไปแข่งโอลิมปิก แล้วยังคิดค้นไวโอลินที่สีแล้วบินได้อีกด้วย"พนักงานแนะนำอย่างไม่ติดขัดจนถึงก้อนสุดท้าย
"ก้อนนี้ล้านห้า เป็นของคนโง่"
"ทำไมถึงแพงกว่าก้อนของคนอัจฉริยะ?"ทำรนอ์ยังสงกา
"สมองคนโง่ยังใหม่เอี่ยมเพราะยังไม่เคยถูกใช้งาน"

Wednesday, June 25, 2008

สาธิต มศว. ประสานมิตร มัธยม

หลังจากการพักหอบหายใจ ที่โรงอาหารร้อนมศว. ก็นัดหมายเวลากลับบ้านกับแม่แล้วสูดหายใจลึกๆ <ฟูดด ฮ่า>เดินข้ามถนนเข้าสู่ประตูโรงเรียน ส.มศว.ประสานมิตร ม.
สิ่งแรกที่เผชิญ ณ ก้าวแรกสู่การเป็นเด็กรั้วสาธิตคือ อ.ขจรศรี หลังจากกล่าวสวัสดีด้วยท่วงท่าที่<พยายามอย่างยิ่งในการทำให้>สวยงามแล้วเดินเข้าไป ประการต่อมาที่ทำคือ ยกมือสองข้างขึ้นประนม<เอ้าทำตาม>จรดนิ้วโป้งลงตรงหน้าผากระหว่างคิ้ว ปลายนิ้วชี้จดโคนผม ค้อมหัวลง โดยหันศีรษะไปทางพระพุทธมงคลสาธุชนอภิวาท พระประจำโรงเรียน จากนั้นค่อยหันไปทางศาลพระพรหมณ์ ศาลปู่เงินย่าทอง และศาลเจ้าที่อันตั้งอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์ รวมแล้วเป็นการไหว้สิ่งศักสิทธิ์ในโรงเรียนอย่างทั่วถึง
จำได้ว่าห้องเรียนอยู่ที่อาคาร5 ชั้น3
ถึงแล้ว...
หน้าห้องม.1/1ปรากฎร่างของใครคนหนึ่ง ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนู๋ฟีล
"ไอ้ใหม่ ทำไมมาช้าจังวะ" นี่หรือคือประโยคแรกที่ชาวไทยร้องทักกัน มันน่าจะเป็น"อ้าวใหม่ สวัสดี"มิใช่หรือ แต่ไม่เป็นไร เลยตามเลย
พูดจบนู๋ฟีลก็ลากข้าพเจ้าไปพบเพื่อนฝูง ไม่ว่าจะเป็นนกเอี้ยง นาปุยหรือนมสด เจ้าชายนัท และนู๋ปั้นหยา นอกจากนี้ก็ยังมีคนอื่นๆที่ได้พบภายหลังอย่างนู๋เมียร์หรือสเฟียร์ นู๋มุก นู๋เตย นู๋พิมมี่ อาม่าหรือนมกล่องหรือฟาฟ่า<ทำไมคนนี้ฉายาเยอะ>และอื่นๆ
เราคุยกันหลายเรื่อง เช่นชมรม วิชาเพิ่มเติมเลือก ........

หลายวันต่อมา เราเริ่มได้รับการบ้านสะสมกันไปคนละหลายก้อน จนกลายเป็นหมูโดยไม่ตั้งใจ<ดินพอกหางหมู>
เราได้รับสัมผัสบางอย่างจากการบ้านเหล่านี้
มันเป็นสัมผัสพิเศษ
สัมผัสที่นักเรียนเท่านั้นจะล่วงรู้
สัมผัสที่ไม่ต้องใช้ตัวรับคลื่นสัญญาณ
เรา นักเรียนทุกคน ได้รับสัมผัสนั้น มันเตือนเราว่า ...
...<จงเติมคำตอบลงในช่องว่าง>